ขายประกันชีวิต.com
โดย แก้ว ณิชาภัทร

• ความไม่แน่นอน จากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
  “หากคุณต้องจากไปก่อนวัยอันควร อาจจะส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัว คนที่คุณเรารัก เนื่องจากขาดรายได้ การทำประกันชีวิต คือหลักประกันทางการเงินที่สำคัญ ที่จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงิน รวมถึงหนี้สินและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้เมื่อคุณไม่อยู่

หากทำประกัน เหมือนเป็นมีผู้ช่วยดูแลครอบครัวของคุณ ในยามที่คุณไม่อยู่”

• มีความคุ้มครอง และเงินสำรอง ยามฉุกเฉิน
  เปลี่ยนรายจ่ายที่ไม่แน่นอนให้แน่นอน สำหรับค่ารักษาพยาบาล กรณีเจ็บป่วย อุบัติเหตุ รวมถึง การรักษาโรคร้ายแรงและกรณีทุพพลภาพ การทำประกันชีวิตเป็นการโอนย้ายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
• live too long เพื่อเป็นเงินออมตอนเกษียณอายุ
  บางทีคุณอาจจะมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ขาดการวางแผนทางการเงินในช่วงหารายได้ที่ผ่านมา ประกันเป็นอีกหนึ่งวิธีของการออมอย่างมีวินัย และยังช่วยกระจายความเสี่ยงของกองทุนสำหรับเกษียณอายุ เนื่องจากมีผลตอบแทนที่แน่นอน
• เพื่อเป็นมรดกให้กับคนในครอบครัว
  การส่งมอบมรดกผ่านประกันชีวิตนั้นแน่ชัด ว่าลูกของคุณจะได้รับที่เท่าไหร่ และระบุชื่ออย่างชัดเจน สามารถลดความขัดแย้ง ระหว่างทายาทที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้คุณได้อุ่นใจว่าลูกหลาน จะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้
• สิทธิประโยชน์ทางภาษี
  คุณสามารถนำเบี้ยประกันชีวิต ไปใช้เป็นสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามจำนวนที่จ่ายตามจริงทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันแบบบำนาญ

“สาเหตุหลักๆ ก็เพราะว่าเราไม่รู้อนาคต

เงินไม่สามารถซื้อความปลอดภัยให้ทรัพย์สินได้ แต่คุณสามารถปกป้องทรัพย์สินได้

นั่นเป็นสาเหตุที่หลายๆ คนยอมที่จะจ่ายเงินส่วนหนึ่ง

เพื่อรักษาเงินส่วนใหญ่ไว้ด้วยการซื้อประกันให้กับตนเองหรือครอบครัว”

หากคุณซื้อประกันเพื่อต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี จะทำให้ได้ประโยชน์จากการทำประกันชีวิตไม่เต็มที่ แก้วแนะนำให้ซื้อประกัน ตามโจทย์ที่ต้องการค่ะ เรื่องของการลดหย่อนภาษีนั้นเป็นโบนัส และแบบประกันบางแบบไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น ระยะเวลาจ่ายเบี้ยไม่ถึง 10 ปี หรือมีเงินคืนเกินกำหนด

ดังนั้นหากคุณจำทำประกัน และนำค่าเบี้ยประกันชีวิตมาลดหย่อนภาษี ต้องดูเกณฑ์ที่จะนำมาลดหย่อนภาษี และแบบที่สามารถใช้ลดหย่อนได้หลายปี เพื่อจะได้ตอบโจทย์ทางภาษีอย่างคุ้มค่าที่สุด

เบี้ยประกันที่แก้วแนะนำควรอยู่ที่ 10% – 15% ของรายได้ต่อปี

หากคุณมีรายได้ต่อปี 300,000 บาท (25,000 บาท/เดือน) ค่าเบี้ยที่เหมาะสม คือ 30,000– 45,000 บาทต่อปี (คิดเป็น 2,500-3,750 บาท/เดือน)

แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับค่าใช้จ่ายรายเดือน และหนี้สินด้วย ซึ่งแก้วสามารถปรับแบบประกันให้ตอบโจทย์ตามงบประมาณของคุณได้ค่ะ

คุณสามารถยื่นขอเอาประกัน โดยให้ข้อมูลตามความเป็นจริงก่อนได้

ทางบริษัทฯ อาจให้คุณตรวจสุขภาพเพิ่มเติมค่ะ ซึ่งหากมีความเสี่ยงด้านสุขภาพ เช่น น้ำหนักมากเกินเกณฑ์ที่กำหนด หรือมีประวัติการรักษาโรคหรืออาการ บริษัทฯ อาจจะรับประกัน

โดยเบี้ยอาจจะมากกว่าท่านที่ไม่มีความเสี่ยงนิดหน่อย หรือบริษัทฯ อาจจะรับเอาประกัน แต่ไม่คุ้มครองบางอาการ

 ” เงินฝาก” คือ เงินที่ฝากไว้ก่อน จะใช้เมื่อไหร่ค่อยถอนออกมา แต่ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ “เงินออม” ที่ได้รับความคุ้มครองชีวิตด้วย ถ้ายกเลิกก่อนกำหนดก็อาจขาดทุนเงินต้นได้

แต่หากสามารถเก็บออมในระยะยาวได้ตามเป้าหมายของการทำประกันแล้ว ดอกผลที่ได้จากเงินต้นที่เท่ากัน ระยะเวลาฝากที่เท่ากัน ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ถือว่าได้ประโยชน์จากการเก็บออมที่มากกว่า

หากคุณจ่ายเบี้ยไม่ไหว อันดับแรกเลย แก้วแนะนำให้แบ่งงวดการจ่ายเบี้ยประกันก่อน เช่น จากเดิมรายปี ให้แบ่งเป็นราย 6 เดือน ราย 3 เดือน ซึ่งอาจจะมีดอกเบี้ยนิดหน่อย แต่ก็คุ้มกับการที่เราต้องเสียกรมธรรม์ และค่าเบี้ยที่เราชำระไปตั้งแต่แรก แต่หากจ่ายไม่ไหวจริงๆ มี 3 ทางเลือก ดังนี้ค่ะ

1. ยกเลิกกรมธรรม์ (การเวนคืนกรมธรรม์) ซึ่งจะมีผลให้ความคุ้มครองสิ้นสุดลง และจะได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในตารางเวนคืนกรมธรรม์ที่คุณถืออยู่

2. การใช้เงินสำเร็จ กรณีนี้ผู้ถือกรมธรรม์ยังได้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์อยู่ แต่จำนวนเงินเอาประกันจะลดลง โดยจำนวนเงินเอาประกันใหม่ดูได้จากตารางมูลค่าใช้งินสำเร็จที่แนบอยู่ในกรมธรรม์

3. การขยายเวลา วิธีนี้จำนวนเงินเอาประกันภัยจะเท่าเดิม แต่ระยะเวลาคุ้มครองจะน้อยลง โดยดูได้จากตารางมูลค่าขยายเวลาในกรมธรรม์ที่คุณถืออยู่